search
คำค้นหายอดนิยม:
close

รู้จักโรคฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง โรคที่น่ากลัวที่สุดในช่วงหน้าร้อน

ร้อนขนาดนี้จะละลายแล้วน้า 

ช่วงหน้าร้อนแบบนี้บอกเลยว่านอกจากเจ้าของจะร้อนแล้ว น้องหมาน้องแมวก็ร้อนไม่ต่างจากเราเช่นกัน อีกทั้งอาจจะร้อนกว่าด้วยเนื่องจากน้องหมาและน้องแมวไม่มีต่อมเหงื่อตามตัวเพื่อระบายความร้อนแบบมนุษย์เรา (มีต่อมเหงื่อแค่ที่บริเวณอุ้งเท้าอย่างเดียว) ดังนั้นถ้าอากาศร้อนมาก น้องๆ ก็มีสิทธิ์เสี่ยงที่จะเป็น “โรคลมแดด” หรือ “ฮีทสโตรก” โรคที่อันตรายที่สุดในช่วงหน้าร้อนที่อาจถึงกับทำให้น้องๆ เสียชีวิตได้เลย 

โรคลมแดดหรือ “ฮีทสโตรก” นั้น เกิดจากการที่น้องๆ อยู่ในที่ๆ อุณหภูมิสูงมากเกินไปจนระบายความร้อนไม่ทัน จนทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงเกิน 39 องศาเซลเซียส โดยอาการที่พบได้คือ หอบหายใจ ลิ้นห้อย น้ำลายไหลมาก ตัวร้อน อุณหภูมิร่างกายสูง เหงือกสีแดงก่ำ หมดแรง หัวใจเต้นเร็ว ชัก หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด 

วิธีการรักษาฮีทสโตรกเบื้องต้น 

  1. รีบพาสัตว์เลี้ยงเข้าที่ร่มและอากาศถ่ายเทให้เร็วที่สุด
  2. ให้ใช้ผ้าชุบน้ำธรรมดาเช็ดตามตัว ที่อุ้งเท้า ใต้ท้อง ปลายหู ขาหนีบ แล้วเปิดพัดลมเป่าไปด้วย โดยห้ามใช้น้ำเย็นเช็ดตัวหรือจับสุนัขและแมวแช่น้ำเย็นเด็ดขาด เพราะจะทำให้ลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังหดตัว ระบายความร้อนออกจากตัวได้น้อยลง รวมไปถึงอาจทำให้อุณหภูมิลดเร็วเกินไป จนทำให้ร่างกายช็อกได้
  3. ให้สัตว์เลี้ยงค่อยๆ จิบน้ำเองทีละนิด โดยให้จิบบ่อยๆ
  4. หากพบว่าสัตว์เลี้ยงหมดสติให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด

วิธีป้องกันฮีทสโตรกในสัตว์เลี้ยง 

  1. ไม่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงตากแดด อยู่ในห้องปิดทึบหรืออากาศไม่ถ่ายเทช่วงหน้าร้อน
  2. ไม่ทิ้งสัตว์เลี้ยงอยู่ในรถที่จอดทิ้งไว้เด็ดขาด แม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่นาทีก็ตาม
  3. หลีกเลี่ยงพาน้องๆ ไปออกกำลังกายในช่วงแดดจัด
  4. ให้น้องๆ ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอตลอดวัน

ในช่วงหน้าร้อนนี้นอกจากเรื่องฮีทสโตรกแล้วก็อย่าลืมดูแลน้องๆ ให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมกับอิ่มอร่อยด้วย Felina Canino (เฟลินา คานิโน) ที่ใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียมที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันคุณภาพแบบเดียวกับที่คนรับประทาน (human grade) ไม่ใช้เศษเนื้อสัตว์ที่เหลือจากการผลิต (by product) ไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ และไม่ใส่วัตถุกันเสีย ได้รับสารอาหารเน้น ๆ ดีต่อร่างกาย รับรองว่าอากาศร้อนแค่ไหนเราก็ไม่มีหวั่นแน่นอน 

สงสัยว่าสัตว์เลี้ยงมีอาการแพ้อาหาร จะจัดการเรื่องอาหารอย่างไร

คุณเจ้าของเคยเห็นน้อง ๆ ที่บ้านมีอาการเกาตัวทั้งวัน ผิวหนังขึ้นผื่นแดง อยู่ไม่เป็นสุข ชอบเลียมือเลียเท้าหรือไม่? หรือบางทีอาจมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย หรืออาเจียน อาการเหล่านี้ อาจบ่งชี้ถึงโรคภูมิแพ้อาหารก็เป็นได้ 

อาการแสดงของสุนัขและแมวเมื่อมีภาวะภูมิแพ้อาหาร มักแสดงอาการทางผิวหนัง อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ดังนั้นจะต้องมีวิธีการวินิจฉัยแยกแยะ เพื่อที่จะได้ทราบว่าอาการทางผิวหนังของน้อง ๆ นั้นมีสาเหตุมาจากอะไร 

  1. ทำการ rule out สาเหตุอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิดอาการทางผิวหนังได้ เช่น ปรสิตภายนอก เชื้อรา ยีสต์ หรือแบคทีเรีย ในขั้นตอนนี้เจ้าของน้อง ๆ สามารถพาน้อง ๆ ไปตรวจผิวหนังกับสัตวแพทย์ รวมไปถึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันปรสิตภายนอกเป็นประจำ 
  2. การทดลองอาหาร (food trial) เป็นหนึ่งในวิธีที่ใช้ในการวินิจฉัยภาวะภูมิแพ้อาหาร ทำได้หลายวิธี เช่น การให้อาหารที่เป็นโปรตีนขนาดเล็กที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้(hydrolyzed protein) หรือ เลือกใช้แหล่งโปรตีนใหม่และจำกัดประเภทของแหล่งโปรตีนในอาหารของน้อง ๆ อย่างเคร่งครัด 

ดังนั้น Felina Canino Single Protein จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกอาหาร ที่นำมาใช้ในการทดลองอาหารได้เช่นกัน เพราะว่า 

  • Felina Canino Single Protein มีวัตถุดิบจากแหล่งโปรตีน 1 ชนิด ลดโอกาสเสี่ยงในการได้รับโปรตีนหลายชนิดจากอาหาร ซึ่ง 1 ในโปรตีนเหล่านั้น อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ 
  • มาพร้อมด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติที่เต็มไปด้วยสารอาหารอย่าง โอเมกา-3 DHA วิตามินและแร่ธาตุ ที่ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวหนัง ให้ผิวหนังของน้อง ๆ แข็งแรงมากขึ้น 
  • Felina Canino Single Protein ยังมีตัวเลือกอาหารมากมาย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการแพ้ หากสัตว์มีการแพ้ต่อสารกระตุ้นภูมิแพ้(allergen) ต่าง ๆ  
  • Wild caught protein: แหล่งโปรตีนจากธรรมชาติที่ช่วยลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนสารสังเคราะห์ต่าง ๆ เช่น ยาปฏิชีวนะ รวมไปถึงสีสังเคราะห์ที่อาจมีการผสมลงในอาหารเพื่อเร่งสี  
  • No antibiotics ever protein (NAE): แหล่งโปรตีนที่ผ่านกระบวนการเลี้ยงแบบไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ลดความเสี่ยงในกลุ่มน้อง ๆ ที่แพ้ยาปฏิชีวนะ 
  • Grass-fed protein: แหล่งโปรตีนจากกระบวนการผลิตเนื้อสัตว์โดยให้สัตว์กินหญ้าเป็นหลัก อาจช่วยลดความเสี่ยงในน้อง ๆ ที่แพ้อาหารกลุ่มธัญพืช (grain allergy) ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ในกระบวนการผลิตโดยทั่วไป 

ทั้งนี้ในการวินิจฉัยภาวะภูมิแพ้อาหารควรได้รับการวินิจฉัยโดยตรงจากสัตวแพทย์ เนื่องจากการทดลองอาหารควรอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสัตวแพทย์ และ อาการของโรคภูมิแพ้อาหารนั้นมีความคล้ายคลึงกับความผิดปกติบนผิวหนังอื่น ๆ เช่น การแพ้น้ำลายหมัด การติดเชื้อบนผิวหนัง หรือแม้กระทั่ง ภาวะภูมิแพ้ผิวหนัง(atopic dermatitis) รวมไปถึงในสัตว์เลี้ยง 1 ตัว สามารถมีความผิดปกติของผิวหนัง หลาย ๆ โรคพร้อมกันได้ จึงควรให้สัตวแพทย์พิจารณารักษาตามแต่ละสาเหตุไป 

กินอาหารเปียกทุกวันได้ไหม

กินอาหารเปียกเยอะ จนไม่ยอมกินอาหารเม็ด จะเป็นอันตรายไหมนะ 

หลาย ๆ บ้านคงประสบปัญหาน้องๆ ที่บ้านไม่ยอมกินอาหารเม็ด จะกินแต่อาหารเปียก จนเจ้าของน้องแมวเป็นห่วงว่ากินอาหารเปียกอย่างเดียวทุกวันได้เหรอ ก็เคยเห็นในโฆษณาที่น้องหมาน้องแมวคนอื่นเค้ากินแต่อาหารเม็ดนี่นา 

จริงๆ บอกได้เลยว่าโดยทั่วไปอาหารเปียกก็เป็นอาหารหลักของสัตว์เลี้ยงประเภทหนึ่ง สามารถกินได้ทุกวัน ไม่แตกต่างจากอาหารเม็ด เพราะว่าอะไร ไปดูกันเลย 

  • กระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะอาด และปลอดภัย ไม่แตกต่างจากการผลิตอาหารเม็ด ดังนั้นหมดห่วงได้เลยเรื่องที่อาหารเปียกจะมีคุณภาพด้อยกว่า 
  • คุณค่าทางสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารเปียกหรืออาหารเม็ด ต่างก็มีคุณค่าทางสารอาหารที่เหมาะสมต่อน้องสุนัขและน้องแมว แต่ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละผลิตภัณฑ์ ว่าจะมีปริมาณสารอาหารแต่ละชนิดในปริมาณเท่าไหร่ และในแต่ละวันน้องสุนัขหรือน้องแมวจะต้องได้รับปริมาณอาหารเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม 
  • การควบคุมปริมาณสารเคมีในอาหาร โดยทั่วไปในขั้นตอนการผลิตอาหารเปียกจะต้องมีการควบคุมปริมาณการใช้สารเคมีในอาหารไม่ให้เกินปริมาณที่กำหนด แล้วยิ่งถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ของ Felina Canino (เฟลินา คานิโน)ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ไม่มีสารสังเคราะห์เจือปน ก็ยิ่งหมดห่วงเรื่องสารเคมีไปได้เลย 

ยิ่งไปกว่านั้น อาหารเปียกยังมีข้อดีอีกหลายอย่าง ทั้งช่วยเพิ่มปริมาณน้ำที่น้องๆ ควรได้รับ เพื่อลดโอกาสการเกิดโรคระบบทางเดินปัสสาวะ รวมไปถึงความน่ากินของอาหารเปียก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จาก Felina Canino (เฟลินา คานิโน) ที่มาเป็นชิ้นเต็มๆ คำ กลิ่นหอมๆ จากวัตถุดิบธรรมชาติคงเกินต้านสำหรับน้อง ๆ เลยแหละ 

จึงสรุปได้ว่า ทั้งน้องสุนัขและน้องแมวก็สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารเปียกได้ทุกวัน ไม่ว่าจะกินอาหารเปียกอย่างเดียว หรือจะเพิ่มเป็นท๊อปปิ้งแสนอร่อยบนอาหารเม็ดให้น้องๆ ที่บ้านก็ได้ทั้งหมดเลย 

เอ๊ะ หรือจริงๆ อาหารเปียกก็มีอันตรายอยู่นะ โดยเฉพาะ Felina Canino (เฟลินา คานิโน) อันตรายที่อร่อยมากจนเกินไป จนน้องๆ หยุดกินไม่ได้นั่นเอง ดังนั้นก็ระวังอย่าให้น้องๆ กินเยอะจนเกินไปล่ะ 

ประโยชน์จากสารอาหารที่มาจากธรรมชาติดียังไง

ไม่ว่าใครก็คงอยากกินอาหารจากธรรมชาติทั้งนั้นแหละนะ 

ว่าแต่อาหารจากธรรมชาติที่ว่านี่คืออะไรกัน 

อาหารสัตว์จากธรรมชาติ(natural pet food) ในความหมายของ Association of American Feed Control Official (AAFCO) หมายถึงอาหารสัตว์ที่มีส่วนประกอบจากพืช สัตว์หรือแหล่งแร่ธาตุ ที่ผ่านหรือไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป โดยไม่มีส่วนประกอบของสารสังเคราะห์ เช่น สารเสริมหรือสารปรุงแต่งในอาหาร และไม่ผ่านขั้นตอนการผลิตที่ใช้สารสังเคราะห์ 

ประโยชน์ของอาหารที่มาจากธรรมชาติจะมีอะไรบ้างนะ 

  • มีความน่ากินสูง: อาหารที่มาจากธรรมชาติจะมีความน่ากินสูง เนื่องจากมีกลิ่นและรสชาติที่น้องสุนัขน้องแมวชอบ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นรสชาติที่อร่อยแบบเข้าใจไม่ยาก กินได้ทุกวัน 
  • ความหลากหลายของสารอาหาร: อาหารจากธรรมชาติที่ประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่หลากหลาย เช่น แหล่งโปรตีนจากสัตว์หลายชนิด หรือวิตามินและแร่ธาตุจากผักหลายชนิด ก็จะทำให้อาหารมีความหลากหลายของสารอาหารเช่นกัน 
  • ปราศจากสารสังเคราะห์ ที่อาจจะสะสมภายในร่างกาย เช่น สารกันบูด สีผสมอาหาร หรือสารเสริมอื่นๆ 

อาหารเปียกของ Felina Canino (เฟลินา คานิโน) ก็เป็นอาหารสัตว์จากธรรมชาติ ที่ทั้งมีความน่ากินสูงมีความหลากหลายของแหล่งโปรตีน และปราศจากสารสังเคราะห์ เหล่าผู้ปกครองน้องสุนัขและน้องแมวที่เคยอุดหนุน Felina Canino (เฟลินา คานิโน) ไป คงจะเห็นได้ชัดเลยว่าน้อง ๆ ชอบมาก ให้เป็นชิ้นโต ๆ กลิ่นหอม ๆ ขนาดนี้ ใครจะไปอดใจไหวกัน แถม Felina Canino (เฟลินา คานิโน ทุกกระป๋องยังผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อแบบสเตอริไลซ์ (Sterilization) ฆ่าจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้อาหารบูดเน่า นอกจากนี้ ถ้าไม่เปิดกระป๋องสามารถเก็บยาวนานได้ถึง 3 ปีอีกด้วยนะ 

3 เหตุผลเด็ดว่าทำไม Felina Canino ถึงเป็นอาหารโปรดของน้องหมาแมวทุกตัว

อร่อยขนาดนี้….น้องๆ อดใจไม่ไหวอยู่แล้ว ! 

ไม่ว่าใครก็ต้องมีของกินสุดโปรด แต่บอกเลยว่าของกินสุดโปรดในดวงใจของน้องหมาน้องแมวทุกตัวย่อมหนีไม่พ้น Felina Canino (เฟลินา คานิโน) ที่เพียงแค่เสียงเปิดกระป๋อง เหล่าน้องๆ ก็ต่างพากันวิ่งมารอแทบทุกครั้ง แต่รู้ไหมว่าเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ Felina Canino (เฟลินา คานิโน) ครองใจของน้องๆ ของเรา ถ้าอยากรู้ก็ตามมาดูกันเลย 

  1. มีเนื้อสัตว์หลากหลายให้ลิ้มลองแบบไม่มีเบื่อ : ทานแต่เนื้อสัตว์ชนิดเดิมๆ ยังไงก็ต้องเบื่อ แต่บอกเลยว่าถ้าเลือกFelina Canino (เฟลินา คานิโน) รับรองว่าไม่มีเบื่อเพราะมีเนื้อสัตว์หลากหลายชนิด หลากหลายรสชาติ ให้เลือกทานตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลาแซลม่อน ปลาซาบะ ไก่ เนื้อวัว หมู หรือกุ้ง โดยข้อดีของการได้ทานเนื้อสัตว์หลากหลายชนิดคือน้องๆ จะได้รับสารอาหารหลากหลายเหมาะกับความต้องการของร่างกาย
  2. เนื้อชิ้นโต เต็มๆ คำ : เพราะ Felina Canino (เฟลินา คานิโน) คัดสรรวัตถุดิบเป็นเนื้อสัตว์เกรดพรีเมี่ยมแบบเดียวกับที่ให้คนรับประทาน (Human Grade) ไม่ใช่เศษเหลือจากการผลิต (By Product) ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าน้องๆ จะได้อิ่มอร่อยไปกับเนื้อสัตว์สดใหม่คุณภาพดีเต็มๆ คำแบบสุดฟิน 
  3. ปลอดภัยเพราะไม่ใส่เกลือและสารกันเสีย : นอกจากจะอิ่มอร่อยแล้ว Felina Canino (เฟลินา คานิโน) ยังปลอดภัยต่อน้องๆ เพราะไม่มีการเพิ่มเกลือและสารกันเสีย เพราะใช้กระบวนการฆ่าเชื้อแบบสเตอริไลซ์ (Sterilization) ฆ่าจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้อาหารบูดเน่า ทำให้เจ้าของมั่นใจได้ว่า Felina Canino (เฟลินา คานิโน) ทุกกระป๋องนั้นปลอดภัยและดีต่อสุขภาพของน้องหมาน้องแมวจริงๆ

พอรู้แบบนี้แล้วก็อย่ารอช้า ต้องรีบจัด Felina Canino (เฟลินา คานิโน) ให้น้องๆ ได้ลองทานกันหน่อยแล้ว ส่วนน้องๆ ได้ลองทานแล้วจะชอบรสไหนนั้น อย่าลืมมาโพสบอกกันที่คอมเมนต์ด้านล่างนี้กันด้วยน้า 

เนื้อไก่ไร้ยาปฏิชีวนะ ทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ดีของเหล่าสัตว์เลี้ยง

การผลิตเนื้อไก่สุขภาพดี ปลอดยาปฏิชีวนะกำลังถูกรณรงค์อย่างแพร่หลายในวงกว้าง ตั้งแต่เกษตรกรรายย่อยไปถึงฟาร์มเลี้ยงไก่ รวมไปถึงองค์กรหรือหน่วยการทั้งภาครัฐและเอกชนที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ เนื่องมาจากปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นในฟาร์มเลี้ยงสัตว์นั้นอาจจะส่งผลกระทบให้เกิดการตกค้างของยาปฏิชีวนะในเนื้อสัตว์ตามมาได้ การตกค้างของยาในเนื้อนั้นเชื่อมโยงกับสุขภาพของปศุสัตว์และผู้บริโภคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ที่ปลอดยาปฏิชีวนะหรือ Non Antibiotic Ever-Chicken (NAE) นั้นจึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อสุขภาพของน้องหมาน้องแมวมากขึ้น 

คำว่า ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ปลอดยาปฏิชีวนะหรือ Non Antibiotic Ever (NAE) นั้นมีความหมายว่าอะไรกันแน่นะในอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อไก่นั้นมีการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินอาหารของสัตว์ปีกเป็นส่วนใหญ่ โดยมีความมุ่งหวังที่จะช่วยดูแลการทำงานของ gut flora ของปศุสัตว์และทำให้สัตว์เลี้ยงในฟาร์มมีสุขภาพแข็งแรง อย่างไรก็ตามการใช้ยาปฏิชีวนะที่มากเกินจำเป็นหรือการใช้ยาปฏิชีวนะที่หลากหลายในฟาร์มอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาดื้อยาและปัญหายาปฏิชีวนะตกค้างในเนื้อไก่ตามมาได้  

วิธีการเลี้ยงไก่แบบไม่ใช้ยาปฏิชีวนะจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคมากกว่า เพราะมั่นใจได้เลยว่าไก่ในฟาร์มที่ถูกเลี้ยงนั้นจะไม่ถูกให้ยาปฏิชีวนะตลอดการเลี้ยงดู ยิ่งไปกว่านั้นยังดีต่อสุขภาพของสัตว์ที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มอีกด้วย เพราะการไม่ใช้ยาในการเลี้ยงนั้นหมายถึงปศุสัตว์ที่ถูกเลี้ยงได้รับการดูแลใส่ใจที่มากขึ้น มีสุขอนามัยที่ได้คุณภาพ และมีการจัดการสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี โดยผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ปลอดยาปฏิชีวนะนั้นต้องถูกแปะฉลาก NAE (Non Antibiotic Ever) เพื่อให้ผู้บริโภคทุกท่านทราบถึงความแตกต่างในการผลิต 

ถือได้ว่าเนื้อไก่ที่ถูกเลี้ยงมาแบบปลอดยาปฏิชีวนะนั้นถือเป็นเนื้อที่มีการยกระดับคุณภาพขึ้นไปอีกขึ้น เพราะนอกจากเนื้อจะมั่นใจได้ว่าสะอาด ปลอดภัย ปลอดยาตกค้าง ซึ่งดีต่อสุขภาพของน้องหมาน้องแมวที่เป็นผู้บริโภคแล้วนั้น การผลิตเนื้อไก่แบบ NAE ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของสัตว์ปีกที่ถูกเลี้ยงในฟาร์ม มีส่วนช่วยป้องกันปัญหาเชื้อดื้อยาหรือการตกค้างของยาปฏิชีวนะในเนื้อสัตว์อีกด้วย นับได้ว่าซื้อ 1 ได้ประโยชน์ถึง 2 กันเลยทีเดียว 

รู้จักเนื้อวัว Grass-Fed Beef : สุดยอดเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าและได้อยู่ตามธรรมชาติ

รู้หรือไม่ว่าในปัจจุบันเนื้อวัวที่นำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เนื้อ Grass-Fed Beef และ Grain-Fed Beef ตามรูปแบบการเลี้ยงวัวในปัจจุบัน โดย Grain-Fed Beef คือการเลี้ยงวัวในโรงเลี้ยงที่มีพื้นที่จำกัด มีการให้วัวได้กินธัญพืชเป็นอาหารหลัก  

ในขณะที่ Grass-Fed Beef เป็นการเลี้ยงวัวแบบปล่อยทุ่งกว้างใหญ่อย่างอิสระ ได้เดินเล็มหญ้าตามใจชอบ อีกทั้งหญ้าในทุ่งหญ้านั้นยังเป็นหญ้าที่ขึ้นเองตามธรรมชาติทำให้ปลอดภัยจากสารเคมีต่างๆ ทำให้เนื้อวัวแบบ Grass-Fed Beef จึงเป็นเนื้อชั้นเลิศที่อร่อยและมีข้อแตกต่างจากเนื้อวัว Grain-Fed Beef ดังต่อไปนี้ 

  1. ไขมันต่ำ โปรตีนสูง : ด้วยความที่เนื้อวัว Grass-Fed Beef ถูกเลี้ยงบนทุ่งหญ้ากว้างและมีอิสระในการเดินเล็มหญ้า ทำให้ร่างกายของวัวได้ออกกำลัง จึงมีปริมาณไขมันที่น้อยกว่า และมีโปรตีนสูง จึงดีต่อสุขภาพมากกว่าเนื้อวัวทั่วไป
  2. รสชาติเนื้ออร่อยเข้มข้น : เนื้อวัว Grass-Fed Beef ได้ชื่อว่าเป็นเนื้อที่มีรสชาติอร่อย เพราะวัวได้ออกกำลังกายและปราศจากความเครียด โดยเอกลักษณ์ของเนื้อชนิดนี้คือเนื้อจะมีสีแดงสดและไขมันมีสีเหลืองจากเม็ดสีจากหญ้าที่เรียกว่า แคโรทีน (Carotene) ซึ่งจะทำให้เนื้อมีรสชาติเฉพาะที่อร่อยมากๆ อีกทั้งการเลี้ยงแบบปล่อยทุ่งทำให้วัวได้เลือกทานหญ้าหลากหลายชนิดจึงทำให้เนื้อวัวมีรสชาติเฉพาะตัวตามแหล่งที่เลี้ยงอีกด้วย
  3. อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 : ในไขมันสีเหลืองนวลอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเนื้อ Grass-Fed Beef มีปริมาณโอเมก้า-3 มาก ซึ่งมีส่วนช่วยลดระดับคอเสเตอรอลในกระแสเลือด ช่วยการทำงานของดวงตา หัวใจ และสมอง รวมไปถึงทำให้ขนสวยและผิวหนังสุขภาพดีอีกด้วย
  4. ปลอดภัยจากสารเคมี : พื้นที่ทุ่งหญ้าส่วนใหญ่ในการเลี้ยง Grass-Fed Beef เป็นพื้นที่ที่ให้หญ้าเกิดเองตามธรรมชาติ ทำให้มั่นใจถึงความปลอดภัยจากสารเคมีสะสมในร่างกายของวัว รวมไปถึงลดระดับความเครียดและส่งเสริมคุณภาพชีวิตวัวในระบบการเลี้ยงให้ดียิ่งขึ้นด้วย

เนื้อวัว Grass-Fed Beef จึงเป็นหนึ่งในสุดยอดแหล่งโปรตีนสำหรับน้องหมาน้องแมวโดยแท้จริง เพราะนอกจากจะรสชาติอร่อยเข้มข้นชวนดึงดูดใจแล้ว ยังโปรตีนสูง ไขมันต่ำ ดีต่อสุขภาพ แถมยังปลอดภัยจากสารเคมีอีกต่างหาก อย่าลืมให้น้องหมาน้องแมวองเราลองชิมเนื้อวัว Grass-Fed Beef ซักครั้ง แล้วรับรองว่าติดใจอย่างแน่นอน 

เรนโบว์ เทราต์ และปลานิล : เมื่อเนื้อปลาน้ำจืดคือแหล่งโปรตีนชั้นยอด

ถ้าพูดถึงแหล่งโปรตีนคุณภาพดี เชื่อได้เลยว่าสิ่งที่เข้ามาในความคิดของเจ้าของน้องหมาน้องแมวเป็นอันดับแรกๆ คงต้องเป็นโปรตีนจากเนื้อปลาอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่ครบถ้วนแล้ว ยังมีส่วนช่วยบำรุงประสาท สมอง และเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายให้แข็งแรง นับว่าเป็นโปรตีนเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง   

แต่สุดยอดเนื้อปลานั้นไม่ได้จำกัดแค่ในปลาทะเล เพราะปลาน้ำจืดก็เป็นสุดยอดแหล่งโปรตีนเช่นกัน โดยโปรตีนจากกลุ่มปลาน้ำจืดที่เป็นปลาเรนโบว์ เทราต์ และปลานิล ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูง ย่อยง่าย แถมยังอร่อยสุดยอดอีกด้วย พอรู้แบบนี้แล้วเราไปดูคุณประโยชน์ที่ได้จากการทานเนื้อปลาเรนโบว์เทราต์และปลานิลกัน 

  1. อุดมไปด้วยโปรตีน กรดอะมิโนจำเป็น และกรดไขมันโอเมก้า-3 : สารอาหารจากเนื้อปลาน้ำจืดอย่างเรนโบว์เทราต์และปลานิล อุดมไปด้วยโปรตีน กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายและกรดไขมันประเภทโอเมก้า 3 ซึ่งมีส่วนช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดและเสริมสร้างการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะในเรื่องของระบบประสาทและสมอง รวมถึงหัวใจ
  1. เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย เนื่องจากลักษณะของเนื้อปลาตามธรรมชาติจะมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันน้อยกว่าสัตว์ชนิดอื่น ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารในร่างกายใช้พลังงานน้อยกว่าในการย่อย ซึ่งเป็นผลดีต่อสุนัขและแมวในวัยเจริญเติบโต หรือแม้แต่ในน้องหมาและแมวที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของระบบย่อยอาหารอีกด้วย
  1. มีแร่ธาตุและวิตามินมากมายหลายชนิด นอกจากเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีแล้ว เนื้อปลาเรนโบว์ เทราต์ และปลานิลยังมีสัดส่วนของแคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กที่เหมาะสม ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง มีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดและช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง

เรียกได้ว่าเนื้อปลาน้ำจืดอย่างปลาเรนโบว์ เทราต์ และปลานิล นอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง ย่อยง่าย แถมยังมีสารอาหารมากมายแล้ว การเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากปลาน้ำจืดยังมีส่วนช่วยสนับสนุนอาชีพของคนในประเทศไทยอีกด้วย พอรู้แบบนี้แล้วก็บอกเลยว่าเจ้าของน้องหมาน้องแมวอย่างเราจะไม่ลองให้น้องลิ้มลองได้ยังไงกัน 

เต็มคุณค่าและรสชาติด้วยเนื้อปลาที่จับจากธรรมชาติ (Wild Caught Fish)

มาสัมผัสรสชาติจากธรรมชาติกันแบบเต็มคำกันเถอะ 

เพราะเรื่องคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติคือหัวใจของอาหารที่ดี ดังนั้นแหล่งที่มาของอาหารนั้นจึงถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นตัวชี้วัดปริมาณคุณประโยชน์ที่อัดแน่นอยู่ในอาหารได้อย่างคาดไม่ถึงเลยที่เดียว โดยเฉพาะในเรื่องของเนื้อปลาทะเล 

รู้หรือไม่ว่า…ปลาที่จับตามธรรมชาตินั้น จัดได้ว่าเป็นแหล่งเนื้อคุณภาพชั้นเยี่ยมที่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเนื้อปลาที่เลี้ยงในฟาร์มแล้ว ใคร ๆ ก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารสชาติและคุณค่ายังห่างชั้นกันหลายขุม อย่ารอช้า เรารีบไปขยายความให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นกันดีกว่า 

ลองหลับตานึกถึงฝูงปลาที่ว่ายน้ำตามธรรมชาติ ต้องอดทนต่อแดด ลม ฝนและผ่านคืนวันในกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวของแหล่งน้ำธรรมชาติ การต่อสู้เพื่อดูแลชีวิตตัวเองในโลกกว้างนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ตลอดช่วงชีวิตอยู่ในธรรมชาตินั้น ทำให้ปลาตามธรรมชาติสร้างเนื้อที่มีคุณภาพมากกว่า มีขนาดตัวที่ใหญ่กว่า และอุดมไปด้วยกรดไขมันที่ดีกว่าปลาในฟาร์ม โดยเฉพาะสุดยอดโปรตีนจากเนื้อปลาตามธรรมชาติที่พูดถึงแล้วใคร ๆ ก็รู้จักคือ ปลาแซลมอน ปลาซาบะ และปลาทูน่า  

การเลือกบริโภคเนื้อปลาจากธรรมชาตินั้น นอกจากจะหมายถึงคุณค่าทางโภชนาการที่อัดแน่นไปด้วยพลังงานจากธรรมชาติ ทั้งปริมาณแร่ธาตุที่สำคัญและกรดไขมันจำเป็นที่มากกว่าปลาเลี้ยงในฟาร์มแล้วนั้น ยังหมายถึงน้องหมาน้องแมวมีโอกาสน้อยกว่าที่จะได้บริโภคสารปนเปื้อนหรือมลพิษที่ตกค้างอยู่ในเนื้อปลาจากการเลี้ยงในฟาร์ม รวมไปถึงลดความเสี่ยงในการบริโภคเนื้อปลาที่อาจจะปนเปื้อนการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์มอีกด้วย 

ถึงแม้ว่าราคาของปลาที่จับจากธรรมชาติจะมีราคาที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับปลาเลี้ยงในฟาร์ม แต่ถ้ามองในแง่ของคุณค่าทางโภชนการและการสนับสนุนการทำประมงอย่างยั่งยืน ก็นับได้ว่าเป็นอีกทางที่น่าสนับสนุนไม่ใช่น้อย เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของน้องหมาน้องแมว การหันมาเลือกบริโภคปลาจากธรรมชาติก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ และรับรองว่าถ้าน้องหมาน้องแมวของเราได้ลิ้มลองรสชาติเนื้อปลาจากธรรมชาติแล้วจะสัมผัสถึงความอร่อยเข้มข้นจนต้องติดใจอย่างแน่นอน 

รู้จักกับ Single Protein : อาหารที่มาจากแหล่งโปรตีนชนิดเดียว

เชื่อหรือไม่ว่ามีผลสำรวจพบว่าสุนัขและแมวจำนวนมากมีปัญหาภูมิแพ้ สาเหตุหนึ่งมาจากอาการแพ้อาหาร อันเนื่องมาจากการบริโภคอาหารที่มีส่วนผสมของโมเลกุลโปรตีนที่หลากหลาย ซับซ้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ได้ ทางเลือกที่ช่วยลดภาวะภูมิแพ้อาหาร คือการหันมาเลือกบริโภคอาหารที่มาจากโปรตีนชนิดเดียวหรือโปรตีนที่มาจากแหล่งที่มาที่เดียว (Single protein) โดยโปรตีนชนิดเดียวที่มีคุณภาพและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายว่ามีส่วนช่วยลดภาวะแพ้อาหารของน้องหมาน้องแมวได้เป็นอย่างดีคือแหล่งโปรตีนที่จากปลา ข้อดีของการบริโภคโปรตีนจากแหล่งที่มาเดียวนั้นมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลย 

1. ช่วยลดโอกาสการเกิดการแพ้ได้ บริโภคโปรตีนจากแหล่งที่มาเดียวนั้นจะช่วยให้สุนัขและแมวลดโอกาสการแพ้โมเลกุลโปรตีนที่อยู่ในอาหารอีกทั้งยังช่วยให้ระบบทางเดินอาหารคุ้นเคยกับโมเลกุลอาหารที่ทานเข้ามาและส่งเสริมให้ระบบย่อยอาหารทำอย่างได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

 2.วินิจฉัยภาวะภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้นการเลือกทานอาหารที่ทำมาจากโปรตีนชนิดเดียวจะช่วยให้สัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยหรือแยกแยะภาวะภูมิแพ้อันเกิดจากอาหารได้ง่ายขึ้น และยังมีส่วนช่วยให้เหล่าเจ้าของสามารถเลือกซื้ออาหารที่มีแหล่งโปรตีนที่สุนัขหรือแมวไม่แพ้ได้ 

 3.แหล่งโปรตีนเดียวจากเนื้อปลาอุดมไปด้วยสารอาหาร ในเนื้อปลาเต็มไปด้วยคุณประโยชน์จากกรดไขมันโอเมก้า 3 และกรดไขมันโอเมก้า 6 จากผลการศึกษาพบว่ากรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 นั้นมีส่วนช่วยต้านการอักเสบและมีส่วนช่วยเรื่องอาการภูมิแพ้ที่เกิดจากการตอบสนองของโมเลกุลโปรตีนในอาหารได้ 

4. ได้ทานเนื้อสุดอร่อยเต็มๆ คำ การเลือกอาหาร Single Protein จะทำให้น้องหมาน้องแมวของเราได้อิ่มอร่อยจากเนื้อคุณภาพดีเน้นๆ ไม่มีการผสมเนื้อสัตว์ชนิดอื่นมาให้กวนใจ และยังได้รับสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างเต็มคำอีกต่างหาก

 ประโยชน์มากมายขนาดนี้แล้วเหล่าเจ้าของน้องหมาน้องแมวจะพลาดได้ยังไง มาเลือกทานโปรตีนที่มีแหล่งที่มาเดียวกับ Felina Canino (เฟลินา คานิโน) Single Protein อาหารสุนัขและแมวกระป๋อง ที่ทุกกระป๋องทำมาจากเนื้อสัตว์สุดพรีเมียมเพียงชนิดเดียวเต็มๆ ชิ้น ไม่มีการผสมเนื้อสัตว์ชนิดอื่นให้กวนใจ และไม่ใช่เศษเนื้อที่เหลือจากการผลิต เพื่อให้น้องหมาน้องแมวของคุณอิ่มอร่อยเต็มคำกับรสชาติเนื้อสุดอร่อยอย่างเต็มคำ พร้อมด้วยคุณประโยชน์มากมาย รับรองได้เลยว่าเหล่าน้องหมาน้องแมวของเราจะมีสุขภาพแข็งแรงและลดโอกาสการเกิดความเสี่ยงโรคภูมิแพ้ได้อีกด้วย 

นอกจากจะเต็มอิ่มไปกับเนื้อสัตว์ชนิดเดียวล้วนๆ เต็มๆ ชิ้น แล้ว Felina Canino (เฟลินา คานิโน) Single Protein ยังปลอดภัยจากสารเคมีสังเคราะห์ ไม่แต่งกลิ่น สี หรือรส รวมไปถึงไม่ใส่วัตถุกันเสีย และผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อแบบสเตอริไลซ์ (Sterilisation) ฆ่าจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุให้อาหารบูดเน่า ทำให้ Felina Canino (เฟลินา คานิโน) Single Protein ทุกกระป๋องสามารถเก็บยาวนานได้ถึง 3 ปีเลยทีเดียว 

แชร์
share close
Go to top